การประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรฐานการอุดมศึกษาที่ปรากฏตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ประกอบด้วยมาตรฐาน ๓ ด้าน ได้แก่ มาตรฐานด้านคุณภาพบัณฑิต มาตรฐานด้านการบริหารจัดการการอุดมศึกษา และมาตรฐานด้านการสร้างและพัฒนาสังคมฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ มาตรฐานย่อยทั้ง ๓ ด้านนี้ อยู่ในมาตรฐานการศึกษาของชาติที่ประกอบด้วยมาตรฐานย่อย ๓ มาตรฐานเช่นกัน คือ มาตรฐานที่ ๑ คุณลักษณะของคนไทยที่พึงประสงค์ ทั้งในฐานะพลเมืองและพลโลก มาตรฐานที่ ๒ แนวการจัดการศึกษา มาตรฐานที่ ๓ แนวการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้/สังคมแห่งความรู้ แต่ละมาตรฐานย่อยของมาตรฐานการอุดมศึกษาจะมีความสอดคล้องและสัมพันธ์กับมาตรฐานย่อยของมาตรฐานการศึกษาของชาติ เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาบรรลุตามจุดมุ่งหมายและหลักการของการจัดการศึกษาของชาติ
นอกเหนือจากมาตรฐานการอุดมศึกษาที่เป็นมาตรฐานแม่บทแล้ว คณะกรรมการการอุดมศึกษาได้จัดทำมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาตามกลุ่มสถาบันที่มีปรัชญา วัตถุประสงค์ และพันธกิจในการจัดตั้งที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบด้วยมาตรฐานหลัก ๒ ด้าน คือ มาตรฐานด้านศักยภาพและความพร้อมในการจัดการศึกษา และมาตรฐานด้านการดำเนินการตามภารกิจของสถาบันอุดมศึกษา และกำหนดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเป็น ๔ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม ก วิทยาลัยชุมชน กลุ่ม ข สถาบันที่เน้นระดับปริญญาตรี กลุ่ม ค สถาบันเฉพาะทาง และกลุ่ม ง สถาบันที่เน้นการวิจัยขั้นสูงและผลิตบัณฑิตระดับบัณฑิตศึกษาโดยเฉพาะระดับปริญญาเอก นอกจากนั้น ยังได้จัดทำกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๒ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการอุดมศึกษาและเพื่อเป็นการประกันคุณภาพบัณฑิตในแต่ละระดับคุณวุฒิและสาขาวิชา โดยกำหนดให้คุณภาพของบัณฑิตทุกระดับคุณวุฒิและสาขาวิชาต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลการเรียนรู้อย่างน้อย ๕ ด้าน คือ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้ ด้านทักษะทางปัญญา ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ และทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
คณะกรรมการการอุดมศึกษายังได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานอื่น ๆ อาทิ เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา หลักเกณฑ์การขอเปิดและดำเนินการหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษาทางไกล หลักเกณฑ์การกำหนดชื่อปริญญา หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาประเมินคุณภาพการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษา เพื่อส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาได้พัฒนาด้านวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้มีความทัดเทียมกันและพัฒนาสู่สากล ซึ่งทำให้สถาบันอุดมศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างยืดหยุ่น คล่องตัว และต่อเนื่องในทุกระดับการศึกษา ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานคุณภาพการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เริ่มดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยกองวิชาการ สำนักงานอธิการบดีร่วมกับคณะกรรมการจัดการประชุมเสวนาแนวทางการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษา ได้จัดให้มีการประชุมเสวนา การประกันคุณภาพการศึกษา โดยการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและชี้แจงถึงความจำเป็นของการประกันคุณภาพการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ มีผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยทั้งส่วนกลางและวิทยาเขตเข้าร่วมประชุม โดยอธิการบดีเป็นประธาน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันคุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอกมาให้คำปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษา
การดำเนินการด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ได้ดำเนินการตามระบบประกันคุณภาพการศึกษา ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ (ทอมก) ซึ่งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าควรดำเนินการให้เป็นไปตามระบบ ซึ่งเหมาะสมกับธรรมชาติของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เวลานั้นเป็นช่วงที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กำลังดำเนินการปรับเกณฑ์มาตรฐานตามองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบประกันคุณภาพให้เหมาะสมกับการเรียนการจัดการศึกษาของไทย
ระยะที่หนึ่ง คณะกรรมการอำนวยการการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัย ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยตามระบบ IPOI คือ ปัจจัยนำเข้า (Input) ปัจจัยกระบวนการ (Process) ปัจจัยผลผลิต (Output) และปัจจัยผลกระทบ (Impact) ประกอบด้วย ๑๒ ปัจจัย ๕๒ เกณฑ์ และ ๕๙ ตัวชี้วัด เกณฑ์เหล่านี้ใช้ประเมินคุณภาพภายใน ครั้งที่ ๑ (๒๕๔๔-๒๕๔๖) ใช้ระบบให้คะแนนเป็น ๓ A (Awareness Attempt and Achievement)
ระยะที่สอง การดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัย ก็ยังใช้ระบบเดิมทุกประการ คือระบบ IPOI คือ ปัจจัยนำเข้า (Input) ปัจจัยกระบวนการ (Process) ปัจจัยผลผลิต (Output) และปัจจัยผลกระทบ (Impact) โดยคณะกรรมการอำนวยการได้ปรับปรุงและพัฒนาการประกันคุณภาพการศึกษามาเป็น ๑๕ ปัจจัย ๕๘ ตัวชี้วัด เกณฑ์เหล่านี้ใช้ประเมินคุณภาพภายใน ครั้งที่ ๒ (๒๕๔๗-๒๕๔๘) ใช้ระบบให้คะแนนเต็ม ๕ คะแนน ระยะนี้เองที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เข้ามาประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกมหาวิทยาลัย ในรอบที่ ๑ (๘ มีนาคม ๒๕๔๘)
ระยะที่สาม หลังจากที่สำนักงานงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเข้ามาประเมิน คุณภาพภายนอกและรายงานผลการประเมินแล้ว คณะกรรมการดำเนินการการประกันคุณภาพการศึกษา ได้ปรับระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยใหม่ เพื่อให้เรียกง่ายและสะดวกต่อการดำเนินงานของทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัย โดยปรับจากปัจจัยเป็นมาตรฐานตาม สมศ. ประกอบด้วย ๗ มาตรฐาน ผสมผสานจากปัจจัยทั้งหมดเข้ามาอยู่ตามมาตรฐานนั้นๆ ระบบนี้ครอบคลุมการดำเนินการ ของส่วนงานที่จัดการศึกษาและส่วนงานที่สนับสนุนการศึกษาตามพันธกิจของมหาวิทยาลัยทุกประการ ดังนี้
มาตรฐานที่ ๑ ด้านคุณภาพบัณฑิต
มาตรฐานที่ ๒ ด้านงานวิจัยและงานสร้างสรรค์
มาตรฐานที่ ๓ ด้านการบริการวิชาการและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
มาตรฐานที่ ๔ ด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
มาตรฐานที่ ๕ ด้านการพัฒนาสถาบันและบุคลากร
มาตรฐานที่ ๖ ด้านหลักสูตรและการเรียนการสอน
มาตรฐานที่ ๗ ด้านการประกันคุณภาพ
คณะกรรมการดำเนินการการประกันคุณภาพการศึกษา ได้ดำเนินการตรวจสอบและประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ครั้งที่ ๓ (๒๕๔๙-๒๕๕๐) โดยใช้ระบบ ๗ มาตรฐาน ตามเกณฑ์การประเมินของ สมศ. เพื่อเตรียมรับการประเมินคุณภาพภายนอก ข้อมูลที่ได้จากการประเมินคุณภาพภายในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยใช้เป็นข้อมูลสำหรับการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ.ในรอบที่ ๒ (๒๓ – ๒๕ มกราคม ๒๕๕๑)
ระยะที่สี่ หลังจากที่มหาวิทยาลัยผ่านการประเมินคุณภาพภายนอกในรอบที่สองแล้ว จึงได้ดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับอุดมศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยคณะกรรมการดำเนินการการประกันคุณภาพการศึกษา ได้ปรับระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ของมหาวิทยาลัยเป็น ๙ องค์ประกอบ ๕๖ ตัวบ่งชี้ ใช้ระบบให้คะแนนเต็ม ๓ คะแนน มหาวิทยาลัยดำเนินการการประกันคุณภาพการศึกษาด้วยระบบนี้ในปีการศึกษา ๒๕๕๐ – ๒๕๕๒ ดังนี้
องค์ประกอบที่ ๑ ปรัชญา ปณิธาน วัตถุประสงค์และแผนการดำเนินการ
องค์ประกอบที่ ๒ การเรียนการสอน
องค์ประกอบที่ ๓ กิจกรรมการพัฒนานิสิต
องค์ประกอบที่ ๔ การวิจัย
องค์ประกอบที่ ๕ การบริการทางวิชาการแก่สังคม
องค์ประกอบที่ ๖ การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
องค์ประกอบที่ ๗ การบริหารและการจัดการ
องค์ประกอบที่ ๘ การเงินและงบประมาณ
องค์ประกอบที่ ๙ ระบบและกลไกการประกันคุณภาพ
ระยะที่ห้า มหาวิทยาลัยได้จัดทำระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายใน โดยใช้เกณฑ์ประเมินของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นหลัก ผนวกกับเกณฑ์ประเมินของสำนักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ประเมินคุณภาพการศึกษาของส่วนงานที่จัดการศึกษาทุกส่วนงาน ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาครั้งนี้ มี ๙ องค์ประกอบ ๔๒ ตัวบ่งชี้ แบ่งเป็นปัจจัยนำเข้า (Input) ๔ ตัวบ่งชี้ กระบวนการ (Process) ๑๘ ตัวบ่งชี้ และผลผลิต (Output) หรือผลกระทบ (Impact) ๒๐ ตัวบ่งชี้ ใช้ระบบการให้คะแนนเต็ม ๕ คะแนน มหาวิทยาลัยดำเนินการการประกันคุณภาพการศึกษาด้วยระบบนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๓
พ.ศ.๒๕๕๖ มหาวิทยาลัยผ่านการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) (๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) และผ่านการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) (๒๒-๒๕ กันยายน ๒๕๕๖) ตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งกำหนดให้ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกสามปีและเปิดเผยผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาต่อสาธารณชน
ระยะที่หก มหาวิทยาลัยออกข้อบังคับมหาวิทยาลัย ว่าด้วยการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๗ กำหนดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย (๑) ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และ (๒) ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายนอก ครอบคลุมพันธกิจทั้ง ๔ ด้านของมหาวิทยาลัย คือ การจัดการเรียนการสอน การวิจัย การให้บริการทางวิชาการ และการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สอดคล้องกับปรัชญา ปณิธาน วิสัยทัศน์ ของมหาวิทยาลัย หลักการและแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยมีกลไกในการประกันคุณภาพการศึกษา คือ คณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัย และคณะอนุกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาของส่วนงาน
คณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายใน โดยใช้เกณฑ์ประเมินของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นหลัก แบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ (๑) ระดับหลักสูตร (๒) ระดับคณะ วิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ และ (๓) ระดับสถาบัน ใช้ระบบให้คะแนนเต็ม ๕ คะแนน มหาวิทยาลัยดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาด้วยระบบนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๗ มีองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ ดังนี้
๑) การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ประกอบด้วย ๖ องค์ประกอบ ๑๔ ตัวบ่งชี้
องค์ประกอบที่ ๑ การกำกับมาตรฐาน
องค์ประกอบที่ ๒ บัณฑิต
องค์ประกอบที่ ๓ นิสิต
องค์ประกอบที่ ๔ อาจารย์
องค์ประกอบที่ ๕ หลักสูตร การเรียนการสอน การประเมินผู้เรียน
องค์ประกอบที่ ๖ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้
๒) การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะ วิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานระดับหลักสูตรและเพิ่มเติม ๕ องค์ประกอบ ๑๓ ตัวบ่งชี้ ดังนี้
องค์ประกอบที่ ๑ การผลิตบัณฑิต
องค์ประกอบที่ ๒ การวิจัย
องค์ประกอบที่ ๓ การบริการวิชาการ
องค์ประกอบที่ ๔ การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
องค์ประกอบที่ ๕ การบริหารจัดการ
๓) การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับสถาบัน ประกอบด้วยผลการดำเนินงานระดับหลักสูตร ระดับคณะ วิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ และเพิ่มเติม ๕ องค์ประกอบ ๑๓ ตัวบ่งชี้ ดังนี้
องค์ประกอบที่ ๑ การผลิตบัณฑิต
องค์ประกอบที่ ๒ การวิจัย
องค์ประกอบที่ ๓ การบริการวิชาการ
องค์ประกอบที่ ๔ การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
องค์ประกอบที่ ๕ การบริหารจัดการ
เพื่อให้การจัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทมีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กำหนดทั้งมาตรฐานการศึกษาระดับชาติ มาตรฐานการอุดมศึกษาทั้งมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา และสัมพันธ์กับมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาอื่น ๆ รวมถึงกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องมีระบบประกันคุณภาพที่พัฒนาขึ้นตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๓ ทั้งนี้ ความเชื่อมโยงระหว่างมาตรฐานการศึกษา หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และการประกันคุณภาพการศึกษา
จุดมุ่งหมายของการประกันคุณภาพการศึกษาภายในแต่ละระดับเพื่อการควบคุมคุณภาพ การติดตามตรวจสอบคุณภาพและการพัฒนาคุณภาพ การจัดการศึกษาในระดับหลักสูตร ระดับคณะ วิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์และระดับสถาบันตามระบบและกลไกที่ได้กำหนดขึ้น เพื่อให้มหาวิทยาลัยได้ทราบสถานภาพที่แท้จริง อันจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางและพัฒนาคุณภาพตามเกณฑ์และมาตรฐานที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง
ทุกส่วนงานของมหาวิทยาลัยต้องดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษา โดยให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
กระบวนการการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ต้องดำเนินการทุกรอบปีการศึกษา และให้นำผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาทุกส่วนงานของมหาวิทยาลัย
แนวทางการจัดกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษาภายในแยกออกเป็น ๔ ขั้นตอนตามระบบวงจรการพัฒนาคุณภาพ PDCA / PDSA คือ การวางแผน (Plan) การดำเนินงานและเก็บข้อมูล (Do) การประเมินคุณภาพ (Check / Study) และการเสนอแนวทางการปรับปรุง (Act)
ที่มา
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๕๗ : ๑๓ – ๑๖.
ความจำเป็นและวัตถุประสงค์การประกันคุณภาพการศึกษา
ความจำเป็นและวัตถุประสงค์การประกันคุณภาพการศึกษา
ระดับอุดมศึกษา
ปัจจัยภายในและภายนอกที่ทำให้การประกันคุณภาพการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ
๑) คุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาและบัณฑิตภายในประเทศที่มีแนวโน้มแตกต่างกันมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียแก่สังคมโดยรวมของประเทศในระยะยาว
๒) ความท้าทายของโลกาภิวัตน์ต่อการอุดมศึกษา ทั้งในประเด็นการบริการการศึกษาข้ามพรมแดน และการเคลื่อนย้ายนักศึกษาและบัณฑิต การประกอบอาชีพของบัณฑิตในอนาคต อันเป็นผลจากการรวมตัวของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทั้งสองประเด็นต้องการการรับประกันของคุณภาพการศึกษา
๓) สถาบันอุดมศึกษามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความมั่นใจแก่สังคมว่าสามารถพัฒนาองค์ความรู้และผลิตบัณฑิต ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล การพัฒนาภาคการผลิตจริงทั้งอุตสาหกรรมและบริการ การพัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ระดับท้องถิ่นและชุมชน
๔) สถาบันอุดมศึกษาจะต้องให้ข้อมูลสาธารณะ (Public Information) ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนักศึกษา ผู้จ้างงาน ผู้ปกครอง รัฐบาล และประชาชนทั่วไป
๕) สังคมต้องการระบบอุดมศึกษาที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วม (Participation) มีความโปร่งใส (Transparency) และมีความรับผิดชอบซึ่งตรวจสอบได้ (Accountability) ตามหลักธรรมาภิบาล
๖) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน รวมถึงให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาทำหน้าที่ประเมินคุณภาพภายนอก โดยการประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
๗) คณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ประกาศใช้มาตรฐานการอุดมศึกษา เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เพื่อเป็นกลไกกำกับมาตรฐานระดับกระทรวง ระดับคณะกรรมการการอุดมศึกษา และระดับหน่วยงาน โดยทุกหน่วยงานระดับอุดมศึกษาจะได้ใช้เป็นกรอบการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา
๘) กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ และคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ประกาศแนวทางการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ เพื่อให้การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นไปตามมาตรฐานการอุดมศึกษาและเพื่อการประกันคุณภาพของบัณฑิตในแต่ละระดับคุณวุฒิและสาขาวิชา
๙) กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นกลไกส่งเสริมและกำกับให้สถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานตามประเภทหรือกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา ๔ กลุ่ม
ด้วยเหตุนี้ สถาบันอุดมศึกษาร่วมกับต้นสังกัดจึงพัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
๑) เพื่อตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ระดับหลักสูตร ภาควิชา คณะวิชาหรือหน่วยงานเทียบเท่า และสถาบันอุดมศึกษาในภาพรวม ตามระบบคุณภาพและกลไกที่สถาบันนั้น ๆ กำหนดขึ้น โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการดำเนินงานตามตัวบ่งชี้ในองค์ประกอบคุณภาพต่าง ๆ ว่าเป็นไปตามเกณฑ์และได้มาตรฐาน
๒) เพื่อให้หลักสูตร ภาควิชา คณะวิชาหรือหน่วยงานเทียบเท่าและสถาบันอุดมศึกษาทราบสถานภาพของตนเองอันจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางในการพัฒนาคุณภาพไปสู่เป้าหมาย (Targets) และเป้าประสงค์ (Goals) ที่ตั้งไว้ตามจุดเน้นของตนเองและเป็นสากล
๓) เพื่อทราบจุดแข็ง จุดที่ควรปรับปรุง ตลอดจนได้รับข้อเสนอแนะในการพัฒนาการดำเนินงานเพื่อเสริมจุดแข็ง และพัฒนาจุดที่ควรปรับปรุง ในแต่ละระดับอย่างต่อเนื่อง
๔) เพื่อให้ข้อมูลสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้มั่นใจว่าสถาบันอุดมศึกษาสามารถสร้างผลผลิตทางการศึกษาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กำหนด
๕) เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการอุดมศึกษาในแนวทางที่เหมาะสม
ที่มา
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๕๗ : ๑๗ – ๑๙.
ระบบและกรอบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน
ระบบและกรอบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน
ระดับหลักสูตร
ในการผลิตบัณฑิตเพื่อให้บัณฑิตมีคุณลักษณะพึงประสงค์และเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ การดำเนินงานและการบริหารงานระดับหลักสูตรถือว่าสำคัญที่สุด ซึ่งควรมีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้
๑. การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร เป็นการประกันคุณภาพการจัดการศึกษาว่าหลักสูตรได้ดำเนินการเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษาและเกณฑ์มาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้พิจารณาองค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ การกำกับมาตรฐาน บัณฑิต นิสิต อาจารย์ หลักสูตรการเรียนการสอนและการประเมินผู้เรียน และสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ
๒. ในการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ให้เชื่อมโยงกับตัวบ่งชี้การดำเนินการตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๒ เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่หลักสูตรที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่ง สกอ. ได้กำหนดแนวทางการเผยแพร่หลักสูตรไว้ในประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เรื่อง แนวทางการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๒
๓. ตัวบ่งชี้การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร จะต้องรายงานข้อมูลพื้นฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา และตัวบ่งชี้เชิงปริมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณวุฒิ ตำแหน่งทางวิชาการ และผลงานทางวิชาการของอาจารย์ สำหรับตัวบ่งชี้เชิงคุณภาพที่เน้นกระบวนการ จะประเมินในลักษณะของพิชญพิจารย์ (Peer Review) ซึ่งจะมีรายละเอียดของคำถามที่จะเป็นแนวทางให้แก่ผู้ประเมินเพื่อให้สามารถนำไปพิจารณาตามบริบทของสถาบันได้ และได้กำหนดแนวทางในการให้คะแนนในแต่ละระดับสำหรับผู้ประเมินและผู้รับการประเมินได้ใช้ในการพิจารณา
ที่มา
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๕๗ : ๔๐ – ๔๑.
อาจารย์ประจำหลักสูตรกับงานประกันคุณภาพการศึกษา
อาจารย์ประจำหลักสูตรกับงานประกันคุณภาพการศึกษา
หลักสูตร หมายถึง หลักสูตรของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่เป็นไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ซึ่งสภามหาวิทยาลัยอนุมัติ และเริ่มจัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา ๒๕๕๕
อาจารย์ประจำหลักสูตร หมายถึง อาจารย์ประจำเต็มเวลาที่มีภาระหน้าที่ในการบริหารหลักสูตรและการเรียนการสอน โดยวางแผน ติดตาม ทบทวนการดำเนินงานหลักสูตร และประจำหลักสูตรนั้นตลอดระยะเวลาที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรนั้น มีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาที่เปิดสอนไม่น้อยกว่า ๕ คน เป็นอาจารย์ประจำเกินกว่า ๑ หลักสูตรในเวลาเดียวกันไม่ได้ ยกเว้นอาจารย์ประจำหลักสูตรระดับปริญญาโทและเอกในสาขาวิชาเดียวกันได้ หรือเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรในหลักสูตรพหุวิทยาการได้อีก ๑ หลักสูตรโดยต้องเป็นหลักสูตรที่ตรงหรือสัมพันธ์กับหลักสูตรที่ได้ประจำอยู่แล้ว (กกอ. ในการประชุม ครั้งที่ ๒๑๒๕๔๙ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๙)
หากมีการเปลี่ยนแปลงอาจารย์ประจำหลักสูตร ขอให้เสนอดำเนินการปรับปรุงเล็กน้อย โดยนำเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย เพื่อพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ และเสนอให้ สกอ.รับทราบตามแบบฟอร์ม สมอ. ๐๘ ภายใน ๓๐ วัน
อาจารย์ประจำหลักสูตร มีภาระและหน้าที่ในการบริหารหลักสูตรและการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตร การติดตามประเมินผลหลักสูตร โดยทำหน้าที่ ดังนี้
๑. จัดให้มีการทำรายละเอียดของรายวิชา (มคอ.๓) ทุกรายวิชา ก่อนเปิดสอนในแต่ละภาคการศึกษา เพื่อตรวจสอบและรับรองตามเวลาที่กำหนด
๒. จัดการเรียนการสอนตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดรายวิชา (มคอ.๓ และ มคอ.๔) โดยเน้นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และการพัฒนาแบบวิธีการสอนเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน
๓. จัดทำทำเนียบและประวัติผู้สอนทั้งอาจารย์ประจำหลักสูตร อาจารย์ผู้สอน และอาจารย์พิเศษ
๔. กำกับและติดตามการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนการสอน
๕. ให้คำแนะนำ ปรึกษา การวางแผนการศึกษาแก่นิสิต
๖. ออกข้อสอบ คุมสอบ วัดผลประเมินผลการเรียนตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดวิชา และตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
๗. กำกับให้นิสิตเข้าประเมินผลการสอนในรายวิชาที่สอนหรือรับผิดชอบ ในระบบการประเมินรายวิชาตามระยะเวลาที่กำหนด
๘. จัดให้มีการทำรายงานผลการดำเนินการของรายวิชา (มคอ.๕/มคอ.๖) ภายใน ๓๐ วัน หลังสิ้นสุดภาคการศึกษา และนำผผลการประเมินรายวิชาไปพัฒนาหรือปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน (หลักสูตรเก่าใช้ สมอ.๐๗)
๙. จัดให้มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ของนิสิตตามมาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ในระหว่างปีการศึกษา
๑๐. จัดให้มีการทำรายงานผลการดำเนินการของหลักสูตร (มคอ.๗) ภายใน ๖๐ วัน หลังสิ้นสุดปีการศึกษาและนำผลการประเมินหลักสูตรไปพัฒนาปรับปรุงการบริหารจัดการหลักสูตร
๑๑. ทวนสอบผลการเรียนรู้ของนิสิตรายวิชา (การทวนสอบผลสัมฤทธิ์ของนิสิตตามมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่กำหนดใน มคอ.๓ อย่างน้อยร้อยละ ๒๕ ของรายวิชาที่เปิดสอนในแต่ละปีการศึกษา)
๑๒. รวบรวมข้อมูลการดำเนินงานของหลักสูตร การประเมินผลการดำเนินงานหลักสูตร จัดทำรายงานผลการดำเนินงานหลักสูตร
๑๓. ดำเนินการตามกรอบมาตรฐาน TQF (กรณีมีนิสิตคงค้างอยู่ก่อนหน้าหลักสูตร TQF)
๑๔. เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารหลักสูตร ทำรายงานการประชุมที่เกี่ยวกับการวางแผน ติดตาม และทบทวนการดำเนินงานหลักสูตร (ควรประชุมทุกเดือน) ก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๑ เพื่อวางแผนการเปิดรายวิชาในภาคเรียนที่ ๑ ระหว่างภาคเรียนที่ ๑ และก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ ติดตามผลการจัดการเรียนการสอนภาคเรียนที่ ๑ และการเปิดรายวิชาในภาคเรียนที่ ๒ สิ้นภาคเรียนที่ ๒ เพื่อจัดทำรายงาน มคอ.๗ เป็นต้น
๑๕. เข้าประชุมเพื่อวางแผนการดำเนินการต่าง ๆ อาจารย์ประจำหลักสูตรอย่างน้อยร้อยละ ๘๐ มีส่วนร่วมในการประชุมเพื่อวางแผน ติดตาม และทบทวนการดำเนินงานหลักสูตร แผนการบริหารและพัฒนาคณาจารย์ทั้งด้านวิชาการ เทคนิคการสอน และการวัดผล และมีแผนการบริหารและพัฒนาบุคลากรสายสนับสนุนที่มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงประจักษ์ รวมทั้งการจัดการความรู้ การอบรมเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การดำเนินงาน การบริหารจัดการหลักสูตร การเรียนการสอน การทวนสอบผลสัมฤทธิ์ระดับรายวิชา และระดับหลักสูตร การติดตาม ประเมินผล การพัฒนาปรับปรุงหลักสูตร การประกันคุณภาพหลักสูตรตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
๑๖. ร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีระดับวิทยาลัยสงฆ์ ระดับหลักสูตร และติดตาม ประเมินผลการใช้แผนร่วมกัน
๑๗. ติดตามการประเมินความพึงพอใจของนิสิตปีสุดท้าย/บัณฑิตใหม่มี่มีต่อคุณภาพหลักสูตร
๑๘. อาจารย์ใหม่ (ถ้ามี) ทุกคนได้รับการปฐมนิเทศหรือคำแนะนำด้านการจัดการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล SAR เอกสารประกอบ
๑๙. อาจารย์ประจำทุกคนได้รับการพัฒนาทางวิชาการและ/หรือวิชาชีพ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
๒๐. การยื่นเอกสารประเมินบุคลากรเดือนธันวาคม และสิงหาคม
๒๑. การนำข้อมูลและผลการดำเนินงานรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการประจำวิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น เพื่อให้มีการบันทึกในรายงานการประชุม
๒๒. การสำรวจสื่อและสิ่งสนับสนุนการเรียนของนิสิต
๒๓. การรับฟังข้อร้องเรียนนิสิต เพื่อนำมาสู่การแก้ไข (มีหลักฐาน)
๒๔. สรุปผลการให้คำปรึกษาแก่นิสิต
กรอบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร
กรอบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร
๑. การกำกับมาตรฐาน | ๑.๑ การบริหารจัดการหลักสูตรตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรที่กำหนดโดย สกอ. | ผลการบริหารจัดการหลักสูตรตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร ปริญญาตรี เกณฑ์ ๔ ข้อ บัณฑิตศึกษา เกณฑ์ ๑๒ ข้อ |
๒. บัณฑิต | ๒.๑ คุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ | ผลประเมินคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (โดยผู้ใช้บัณฑิต/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย) |
๒.๒ การได้งานทำหรือผลงานวิจัยของผู้สำเร็จการศึกษา – (ปริญญาตรี) ร้อยละของของบัณฑิตบรรพชิตปริญญาตรีที่ปฏิบัติหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์และบัณฑิตคฤหัสถ์ปริญญาตรีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระภายใน ๑ ปี – (ปริญญาโท) ผลงานของนิสิตและผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทที่ได้รับการตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ – (ปริญญาเอก) ผลงานของนิสิตและผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอกที่ได้รับการ ตีพิมพ์หรือเผยแพร่ |
– ผลบัณฑิตปริญญาตรีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระ – ผลงานของนิสิตปริญญาโท/เอกที่ตีพิมพ์หรือเผยแพร่ |
|
๒.๓ บัณฑิตปริญญาตรีมีคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์สอบผ่านภาษาอังกฤษและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด | – ผลการสอบผ่านภาษาอังกฤษและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด | |
๓. นิสิต | ๓.๑ การรับนิสิต | – การรับนิสิต – การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษา |
๓.๒ การส่งเสริมและพัฒนานิสิต | – การควบคุมการดูแลการให้คำปรึกษาวิชาการและแนะแนวแก่นิสิตในระดับปริญญาตรี – การควบคุมดูแลการให้คำปรึกษาวิทยานิพนธ์และสารนิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา – การพัฒนาศักยภาพนิสิตและการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ |
|
๓.๓ ผลที่เกิดกับนิสิต | – อัตราการคงอยู่ของนิสิต – อัตราการสำเร็จการศึกษา – ความพึงพอใจและผลการจัดการข้อร้องเรียนของนิสิต |
|
๔. อาจารย์ | ๔.๑ การบริหารและพัฒนาอาจารย์ | – การรับและแต่งตั้งอาจารย์ประจำหลักสูตร – การบริหารอาจารย์ – การส่งเสริมและพัฒนาอาจารย์ |
๔.๒ คุณภาพอาจารย์ | – ร้อยละอาจารย์ที่มีวุฒิปริญญาเอก – ร้อยละอาจารย์ที่มีตำแหน่งทางวิชาการ – ผลงานวิชาการของอาจารย์ – จำนวนบทความของอาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาเอกที่ได้รับการอ้างอิงในฐานข้อมูล TCI และ SCOPUS ต่อจำนวนอาจารย์ประจำหลักสูตร |
|
๔.๓ ผลที่เกิดกับอาจารย์ | – อัตราการคงอยู่ของอาจารย์ – ความพึงพอใจของอาจารย์ |
|
๕. หลักสูตร การเรียนการสอน การประเมินผู้เรียน | ๕.๑ สาระของรายวิชาในหลักสูตร | – หลักคิดในการออกแบบหลักสูตร ข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนาหลักสูตรและวัตถุประสงค์ของหลักสูตร – การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยตามความก้าวหน้าในศาสตร์สาขานั้นๆ – การพิจารณาอนุมัติหัวข้อวิทยานิพนธ์และสารนิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา |
๕.๒ การวางระบบผู้สอนและกระบวนการจัดการเรียนการสอน | – การพิจารณากำหนดผู้สอน – การกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการจัดทำ มคอ.๓ และ มคอ.๔ – การแต่งตั้งอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และสารนิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา – การกำกับกระบวนการเรียนการสอน – การจัดการเรียนการสอนที่มีการฝึกปฏิบัติในระดับปริญญาตรี – การบูรณาการพันธกิจต่างๆ กับการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี – การช่วยเหลือ กำกับ ติดตาม ในการทำวิทยานิพนธ์และสารนิพนธ์ และการตีพิมพ์ผลงานในระดับบัณฑิตศึกษา |
|
๕.๓ การประเมินผู้เรียน | – การประเมินผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ – การตรวจสอบการประเมินผลการเรียนรู้ของนิสิต – การกำกับการประเมินการจัดการเรียนการสอนและประเมินหลักสูตร (มคอ.๕, มคอ.๖ และ มคอ.๗) – การประเมินวิทยานิพนธ์และสารนิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา |
|
๕.๔ ผลการดำเนินงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ | ผลการดำเนินงานตามตัวบ่งชี้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ | |
๖. สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ | ๖.๑ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ | – ระบบการดำเนินงานของภาควิชา/คณะ/วิทยาเขต/วิทยาลัยสงฆ์/สถาบันโดยมีส่วนร่วมของอาจารย์ประจำหลักสูตรเพื่อให้มีสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ – จำนวนสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ที่เพียงพอและเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอน – กระบวนการปรับปรุงตามผลการประเมินความพึงพอใจของนิสิตและอาจารย์ต่อสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ |
ที่มา
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๕๗
คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ๒๕๖๒ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตัวบ่งชี้เพิ่มเติมตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
รายการเครื่องมือการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร
รายการเครื่องมือการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร
ที่ | รหัสเอกสาร | รายการ | ตัวบ่งชี้ | คำอธิบาย |
๑ | ปค. ๐๑ สำหรับผู้ใช้บัณฑิต | แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา ๒๕๖๑ | ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๑ และตัวบ่งชี้ที่ ๕.๔ | ๑. แจกผู้ใช้บัณฑิตของบัณฑิตที่รับปริญญาบัตร พ.ศ. ๒๕๖๑ |
รายงานผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ | ๒. จำนวนบัณฑิตที่รับการประเมินจากผู้ใช้บัณฑิตจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ของจำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา | |||
๓. ใช้สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต ปริญญาโท และปริญญาเอก | ||||
๒ | ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๑ | ๑. วิเคราะห์ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ จากแบบ ปค.๐๑ | ||
๒. รายงานผลการวิเคราะห์ลงในแบบรายงานผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตต่อคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ | ||||
๓ | ปค. ๐๒บัณฑิตบรรพชิต | แบบสำรวจการปฏิบัติหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ของบัณฑิตบรรพชิตสำหรับ………บัณฑิตผู้รับปริญญาบัตรเมื่อพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ | ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๒ | ๑. แจกบัณฑิตบรรพชิตผู้รับปริญญาบัตร เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๑ |
๒. จำนวนบัณฑิตบรรพชิตที่ตอบแบบสำรวจต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของจำนวนบัณฑิตบรรพชิตที่สำเร็จการศึกษา | ||||
๓. ใช้เฉพาะหลักสูตรปริญญาตรี | ||||
๔ | รายงานผลการสำรวจการปฏิบัติหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ของบัณฑิตบรรพชิต ปีการศึกษา ๒๕๖๑ | ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๒ | ๑. วิเคราะห์ผลการสำรวจการปฏิบัติหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ของบัณฑิตบรรพชิต จากแบบ ปค.๐๒ | |
๒. รายงานผลการวิเคราะห์ลงในแบบรายงานผลการสำรวจการปฏิบัติหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ของบัณฑิตบรรพชิต | ||||
๕ | ปค. ๐๓ บัณฑิต | แบบสำรวจภาวะการมีงานทำของบัณฑิตคฤหัสถ์ สำหรับ….บัณฑิตผู้รับปริญญาบัตรเมื่อพฤษภาคม ๒๕๖๑มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย | ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๒ | ๑. แจกบัณฑิตคฤหัสถ์ผู้รับปริญญาบัตร เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๑ |
คฤหัสถ์ | ๒. จำนวนบัณฑิตคฤหัสถ์ที่ตอบแบบสำรวจต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของจำนวนบัณฑิตคฤหัสถ์ที่สำเร็จการศึกษา | |||
๓. ใช้เฉพาะหลักสูตรปริญญาตรี | ||||
๖ | รายงานผลการสำรวจภาวะการมีงานทำของบัณฑิตคฤหัสถ์ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ | ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๒ | ๑. วิเคราะห์ผลการสำรวจภาวะการมีงานทำของบัณฑิตคฤหัสถ์ จากแบบ ปค.๐๓ | |
๒. รายงานผลการวิเคราะห์ลงในแบบรายงานผลการสำรวจภาวะการมีงานทำของบัณฑิตคฤหัสถ์ | ||||
๗ | ปค.๐๔ นิสิตปริญญาตรี | แบบประเมินความพึงพอใจของนิสิตระดับปริญญาตรีต่อการบริหารจัดการหลักสูตร | ตัวบ่งชี้ที่ ๓.๓ และ | ๑. เปลี่ยนแปลงชื่อหลักสูตรและสถานที่ศึกษาในแบบประเมินตามความเป็นจริง |
ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ | ๒. ใช้เฉพาะหลักสูตรปริญญาตรี | |||
๓. แจกนิสิตปริญญาตรีทุกชั้นปี | ||||
๔. รายงานผลเป็นรายหลักสูตร | ||||
๕. ตัวบ่งชี้ที่ ๓.๓ ใช้ข้อมูลทั้งหมดจากแบบประเมินนี้ | ||||
๖. ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ ใช้ข้อมูลเฉพาะข้อ ๒.๔ ด้านสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ของแบบประเมินนี้ | ||||
๘ | ปค.๐๕ นิสิต ป.โท/เอก | แบบประเมินความพึงพอใจของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาต่อการบริหารจัดการหลักสูตร | ตัวบ่งชี้ที่ ๓.๓ และ | ๑. เปลี่ยนแปลงชื่อหลักสูตรและสถานที่ศึกษาในแบบประเมินตามความเป็นจริง |
ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ | ๒. ใช้เฉพาะหลักสูตรปริญญาโท/เอก | |||
๓. แจกนิสิตปริญญาโท/เอก ทุกชั้นปี | ||||
๔. รายงานผลเป็นรายหลักสูตร | ||||
๕. ตัวบ่งชี้ที่ ๓.๓ ใช้ข้อมูลทั้งหมดจากแบบประเมินนี้ | ||||
๖. ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ ใช้ข้อมูลเฉพาะข้อ ๒.๔ ด้านสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ของแบบประเมินนี้ | ||||
๙ | ปค. ๐๖ อาจารย์ | แบบประเมินความพึงพอใจของอาจารย์ประจำหลักสูตรต่อการบริหารจัดการหลักสูตร | ตัวบ่งชี้ที่ ๔.๓ และ | ๑. เปลี่ยนแปลงชื่อหลักสูตรและสถานที่ศึกษา ในแบบประเมินตามความเป็นจริง |
ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ | ๒. แจกเฉพาะอาจารย์ประจำหลักสูตรของแต่ละหลักสูตร | |||
๓. รายงานผลเป็นรายหลักสูตร | ||||
๔. ตัวบ่งชี้ที่ ๔.๓ ใช้ข้อมูลทั้งหมดจากแบบประเมินนี้ | ||||
๕. ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ ใช้ข้อมูลเฉพาะตอนที่ ๕ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ ของแบบประเมินนี้ | ||||
๑๐ | ปค. ๐๗ | แบบประเมินความพึงพอใจของนิสิตปีสุดท้ายต่อคุณภาพหลักสูตร | ตัวบ่งชี้ที่ ๕.๔ | ๑. เปลี่ยนแปลงชื่อหลักสูตร วัตถุประสงค์หลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร รายวิชาและสถานที่ศึกษาในแบบประเมินตามเป็นจริง |
หลักสูตรระดับปริญญาตรี | ๒. แจกเฉพาะนิสิตปริญญาตรีปีสุดท้าย | |||
๓. รายงานผลเป็นรายหลักสูตร | ||||
๑๑ | ปค. ๐๘ หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา | แบบประเมินความพึงพอใจของบัณฑิตต่อคุณภาพหลักสูตร (ระดับบัณฑิตศึกษา) | ตัวบ่งชี้ที่ ๕.๔ | ๑. เปลี่ยนแปลงชื่อหลักสูตร วัตถุประสงค์หลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร รายวิชาและสถานที่ศึกษาในแบบประเมินตามเป็นจริง |
๒. แจกเฉพาะนิสิตปริญญาโท/เอก ภาคการศึกษาสุดท้ายในชั้น (coursework) | ||||
๓. รายงานผลเป็นรายหลักสูตร |
ที่มา : สำนักงานประกันคุณภาพ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย http://qa.mcu.ac.th/?fbclid=IwAR0Dmn59pcaW6DUmTD_sX%20YoIL”>http://qa.mcu.ac.th/?fbclid=IwAR0Dmn59pcaW6DUmTD_sX YoIL1mKj2a4o GtoKMopovdiqhVoaRrr4O1bqA